ไอเอฟดีโพลชี้ “การเมืองไทยมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค”

ไอเอฟดีโพลชี้ว่า “พรรคการเมืองไทยมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคที่กำหนดทิศทางและนโยบายพรรค และยังมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลด้วย โดยพรรคการเมืองไม่ได้ยึดโยงกับผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก” โดยประชาชน 94% คิดว่าพรรคที่ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย รองลงมาคือ พรรคภูมิใจไทย 92.57% ส่วนพรรคที่มีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคน้อยที่สุดคือ พรรคประชาชน 68.07% น้อยรองลงมาคือ พรรคประชาชาติ 81.14% อีกทั้งผลสำรวจยังพบว่าประชาชน 55.94% เชื่อว่า การตัดสินใจของรัฐบาลถูกควบคุมโดยผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคที่เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งทำให้ประชาชน 69.32% ไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้อง/เป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ”

ไอเอฟดีโพลแอนด์เซอร์เวย์ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา สำรวจประเด็น “การเมืองไทยมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค” สำรวจประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,251 ตัวอย่าง กระจาย 5 ภูมิภาค วิธีสำรวจลงภาคสนามและโทรศัพท์อย่างละ 50% สุ่มตัวอย่างแบบความน่าจะเป็นด้วยวิธี Stratified Five-Stage Random Sampling แต่ละตัวอย่างมีค่าถ่วงน้ำหนัก ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% สำรวจช่วง 17-20 สิงหาคม 2567  

ผลสำรวจดังนี้ ประชาชนให้ความคิดเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค (คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่มีอิทธิพลในการกำหนดทิศทาง นโยบายและการตัดสินใจของพรรค ซึ่งจะส่งผลต่ออิทธิพลต่อรัฐบาลด้วยหากพรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล) โดยประชาชนมีความเห็น 3 คำถาม ดังนี้ 

  1. ท่านคิดว่า “พรรคการเมืองถูกควบคุม โดยกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคหรือไม่ ?” พบว่า   
  • พรรคการเมืองทุกพรรคมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค ในการควบคุมและกำหนดทิศทางนโยบายของพรรค 
  • พรรคที่มีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคมากที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย 94% รองลงมาคือ พรรคภูมิใจไทย 92.57%   
  • พรรคที่มีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคน้อยที่สุด คือ พรรคประชาชน 68.07% น้อยรองลงมาคือ พรรคประชาชาติ 81.14.%
  • ท่านคิดว่า “รัฐบาลตัดสินใจ โดยถูกควบคุมจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคหรือไม่ ?” พบว่า 

2.ท่านคิดว่า “รัฐบาลตัดสินใจ โดยถูกควบคุมจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคหรือไม่ ?” พบว่า 

  • ประชาชน 55.94% เห็นด้วย และ 35.82% ไม่แน่ใจ เมื่อสอบถามประชาชนเพิ่มเติมในกลุ่มที่ตอบไม่แน่ใจ ประชาชนให้เหตุผลที่ตอบ เพราะการตัดสินใจของรัฐบาลยังมีปัจจัยด้านพรรคร่วมรัฐบาลที่จะมีส่วนร่วมตัดสินใจในประเด็นต่าง ๆ ร่วมด้วย 

3.จากข้อ 2 “ท่านไว้วางใจรัฐบาลในจะทำสิ่งที่ถูกต้อง/เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศหรือไม่ ?” พบว่า 

  • ประชาชน 69.32% ไม่ไว้วางใจ 

จากผลไอเอฟดีโพล สะท้อนให้เห็นถึง “ความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐบาลและพรรคการเมือง”  โดยประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีมุมมองต่อ ส.ส. ว่า ยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน ในการเชื่อมโยงความต้องการของประชาชนไปสู่การกำหนดนโยบายและขับเคลื่อนให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ แต่พรรคกลับถูกขับเคลื่อนโดย “ผู้ที่มีอิทธิพลเหนือพรรค หรือมือที่มองไม่เห็น” ที่เป็นผู้กำหนดทิศทาง นโยบาย และตัดสินใจเรื่องสำคัญของพรรค ซึ่งหากพรรคที่ผู้ที่มีอิทธิพลเหนือพรรคนั้นเป็นรัฐบาล จะส่งผลต่อเนื่องถึงการตัดสินใจของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

หากประชาชนไม่ไว้วางใจในพรรคการเมืองและ/หรือรัฐบาล จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองที่อาจส่งผลให้ประชาชนไม่สนใจ ไม่อยากยุ่งทางการเมือง จนอาจไม่อยากไปเลือกตั้ง และยังส่งผลให้ประชาชนหมดหวังกับรัฐบาลและพรรคการเมือง 

ดังนั้น การสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อภาคการเมือง จำเป็นต้องเริ่มจากพรรคการเมืองที่ต้องมีและยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค มีจุดยืนชัดเจน มีนโยบายที่มุ่งทำประโยชน์เพื่อประเทศ รวมถึงการพัฒนาความเป็นสถาบันทางการเมืองที่คณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. ของพรรค ได้ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและนโยบาย นำความเห็นประชาชนไปทำให้เกิดผลขับเคลื่อนเชิงนโยบาย  ประชาชนมีส่วนร่วม และสานต่ออุดมการณ์พรรคในระยะยาว จนทำให้ภาคการเมืองเข้มแข็งมีส่วนนำพาพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า 

ลักษณะทางประชากรและภูมิภาค  

  • เพศ เพศชาย (48.75%)  เพศหญิง (48.33%) และ เพศอื่น ๆ (2.92%)
  • อายุ อายุ 18-25 ปี (15.55%) อายุ 26-35 ปี (20.72%)  อายุ 36-45 ปี (23.43%) อายุ 46-59 ปี (23.99%) และ อายุ 60 ปีขึ้นไป (16.31%)
  • อาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ (7.80%) พนักงาน/ลูกจ้างเอกชน (17.71%)  ประกอบธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย (26.95%)  ช่วยธุรกิจ/งานครอบครัว (4.67%) รับจ้างทั่วไป (18.16%)  เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณ (11.61%)  7.26% เป็นนักเรียน/นักศึกษา ว่างงาน (รอสมัครงาน) (5.28%) และ มีอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ สมัครใจที่จะว่างงาน ทุพพลภาพ (0.56%)        
  • ระดับการศึกษา การศึกษาระดับประถม/ต่ำกว่า ((17.91%) มัธยมศึกษา/ปวช. (34.37%) อนุปริญญา/ปวส.  (28.94%) ปริญญาตรี (17.11%)  และ สูงกว่าปริญญาตรี (1.67%)
  • ภูมิภาค  กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (14.07%) ภาคเหนือ (18.23%) ภาคใต้ (13.67%) ภาคกลางและภาคตะวันตก (14.71%) ภาคตะวันออก (7.91%) และ ตะวันออกเฉียงเหนือ (31.41%)


ไอเอฟดีโพลชี้ “การเมืองไทยมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค” [pdf] ดาวน์โหลด

Leave A Reply

Your email address will not be published.