จากเหตุการณ์ นักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช 13 คน ติดอยู่ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือจำนวนมาก โดยเฉพาะจิตอาสา ในแต่ละสาขาอาชีพ ได้หลั่งไหลกันมาช่วยเหลืออย่างคับคั่ง จนภารกิจนี้สำเร็จนั้น
สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD Survey) ได้ลงสำรวจความเห็นของประชาชน เรื่องการเป็นจิตอาสา จากจำนวน 1,176 คน ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 – 8 กรกฏาคม 2561 ผลสำรวจพบว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว คนไทยอยากเป็นจิตอาสา สูงถึงร้อยละ 63.5
เมื่อสอบถามเพิ่มเติมว่า งานจิตอาสาด้านใด ที่อยากทำมากที่สุด พบว่า
อันดับ 1 งานช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ร้อยละ 36.0
อันดับ 2 งานทำความสะอาดและจัดภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะ ร้อยละ 18.7
อันดับ 3 บริจาคทรัพย์ ร้อยละ 11.6
อันดับ 4 งานปลูกป่าหรืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ร้อยละ 11.4
อันดับ 5 งานกู้ภัย ร้อยละ 7.0
อันดับ 6 งานจราจร ร้อยละ 5.8
อันดับ 7 งานดูแลความปลอดภัย ร้อยละ 4.5
อันดับ 8 งานบริการการแพทย์/พยาบาล ร้อยละ 4.3
อันดับ 9 งานอื่นๆ ร้อยละ 0.7
โดยปัจจัยที่เอื้อต่อการให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมเป็นจิตอาสา พบว่าส่วนใหญ่ ทราบข่าวจากสื่อ การประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ และการชักชวนกันในกลุ่มของจิตอาสาเอง
ส่วนอุปสรรคของการมาเป็นจิตอาสา พบว่า มากที่สุด คือ คนไม่ค่อยมีเวลา สูงถึง ร้อยละ 43.0 รองลงมา เดินทางไม่สะดวก ร้อยละ 22.7 การที่คนไม่รู้ว่ามีงานจิตอาสาที่ไหน ร้อยละ 16.7 และไม่มีเพื่อนหรือ กลุ่มที่จะไปทำจิตอาสาด้วยกัน ร้อยละ 14.8 โดยความถี่ในการทำงานจิตอาสาประมาณ 10 ครั้ง/ปี และครั้งละประมาณ 3 ชั่วโมง